สำหรับ สายพานส่งกำลัง ถือเป็นอุปกรณ์ส่งถ่ายกำลังประเภทหนึ่ง ทำหน้าที่เป็นตัวกลางส่งถ่ายกำลังจากเพลาต้นกำลังไปยังเพลาตาม โดยสายพานส่งกำลังที่ดีนั้น ควรมีคุณสมบัติเบื้องต้น คือ ไม่ยืดตัวและสั่นกระพือเมื่อติดตั้งและเดินเครื่องอย่างถูกต้องตามคำแนะนำของผู้ผลิตเครื่องจักรหรือผู้จำหน่ายสายพาน และสามารถรองรับการสั่นสะเทือนได้ดี ขณะใช้งานไม่มีเสียงดัง เป็นต้น

โดยการใช้สายพานส่งกำลัง ในเครื่องจักรจะเหมาะสำหรับการส่งกำลังระหว่างเพลาขนานที่อยู่ห่างกัน หรือหลายเพลา มีความยืดหยุ่นง่ายต่อการออกแบบ หรือจะนำมาใช้ในงานลำเลียงเป็นส่วนรองรับวัสดุสิ่งของต่างๆเพื่อขนถ่ายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
รวมไปถึงการใช้สายพานส่งกำลังในยานพาหนะ โดยสายพานสามารถรองรับการขับเคลื่อนที่มีอัตราการเร่งสูง การเปลี่ยนแปลงความเร็ว ด้วยเวลาขับเคลื่อนรถที่ใช้สายพานจะมีเสียงที่เบาเนื่องจากมีแรงเสียดทานน้อย น้ำหนักเบากว่าโซ่ ตัวสายพานยังทนอุณหภูมิได้สูง และทนทานต่อน้ำมันอีกด้วย

ทั้งนี้ หากนำสายพานส่งกำลัง เข้ามาใช้ในภาคอุตสาหกรรมการผลิต จะมีหน้าที่ในการส่งกำลัง การเคลื่อนที่และส่งถ่ายสิ่งของในรูปแบบต่างๆ ซึ่งปัจจุบัน ภาคการผลิตโรงงานอุตสาหกกรรมต่างๆ จะนิยมใช้

สายพานส่งกำลัง แบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก คือ

1. 1. สายพานส่งกำลัง แบบ Flat Belts หรือ สายพานแบน ถือเป็นสายพานประเภทที่นิยมใช้แพร่หลาย ทำหน้าที่หลัก ในการส่งถ่ายกำลังจากพู่เลย์ของเพลาขับไปยังพู่เลย์ของเพลาตาม มีหน้าตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทย่อยๆคือ
      
      
      • Light Drives (สายพานที่ใช้กับงานเบา)
      • Medium Drives (สายพานที่ใช้กับงานหนักปานกลาง)
      • Heavy Drives (เป็นสายพานที่ใช้กับงานหนัก)
        
        

      ข้อสรุป สายพานส่งกำลังแบน ช่วยให้แรงทางกลส่งผ่านจากรอกตัวหนึ่งไปยังอีกตัวหนึ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการผลิตด้วยวัสดุที่หลากหลายพร้อมคุณสมบัติที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทุกการใช้งาน สายพานส่งกำลังแบนมีความทนทาน แข็งแกร่ง ยืดหยุ่น ดูดซับแรงสั่นสะเทือนและแรงกระแทก และสามารถใช้ได้ที่ความเร็วสายพานสูงถึง 100 m/s ขับเคลื่อนเพลาหลายตัวได้อย่างง่ายดายแม้ในทิศทางการหมุนที่ต่างกัน สายพานแบนยังสามารถกำหนดศูนย์กลางตัวเองด้วยรอกแบบโค้งได้

   2. สายพานส่งกำลัง V-Belt หรือ สายพานวี ส่วนใหญ่ใช้กับเครื่องจักรกลตามโรงงานทุกกลุ่มอุตสาหกรรม นั่นเป็นเพราะว่า v-belt มีหลายขนาดครอบคลุมการส่งกำลังได้กว้าง ตัวสายพานมีความสมบุกสมบันทำให้ใช้งานได้นานแม้ในสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวย และด้วยสายพานที่มีหน้ากว้างแคบนี่เอง ช่วยให้ลดขนาดความกว้างของพู่เลย์ลงได้เมื่อเทียบกับสายพานแบน ช่วยให้ระบบมีความกะทัดรัดคล่องตัวต่อการบำรุงรักษา

      ข้อสรุป สายพานส่งกำลัง V-Belt สายพานร่องวีมีรูปทรงหน้าตัดเรียวทำให้สายพานเข้าร่องพู่เลย์ได้อย่างแน่นหนา การขับเคลื่อนเกิดขึ้นจากแรงเสียดทานระหว่างด้านข้างของสายพานกับพื้นผิวร่องพู่เลย์ ส่วนใหญ่ใช้เพื่อส่งกำลังระหว่างเพลาคู่ขนานสองเพลาในระยะทางที่ค่อนข้างไกล ความคลาดเคลื่อนในการออกแบบสำหรับ V-belt ไม่สำคัญเมื่อเทียบกับการส่งกำลังโดยใช้เกียร์ ทำให้การออกแบบเครื่องจักรง่ายขึ้นและลดต้นทุนได้อย่างมาก

   3. สายพานส่งกำลัง Ropes Belt หรือ สายพานกลม สายพานประเภทนี้ทำจากพลาสติกโพลียูริเทน มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานสูงทำให้มีคุณสมบัติกันลื่นที่ดีเยี่ยมแม้ในการเปลี่ยนแปลงของโหลด ไม่มีเสียงรบกวนในขณะทำงาน ต้านทานจาระบี น้ำมัน ความชื้นและน้ำได้ดี ตัด-ต่อสายพานทำได้ง่ายดาย สามารถกำหนดความยาวได้ตามต้องการ
      
      

      ข้อสรุป สายพานกลมสามารถปรับตั้งทิศทางการหมุนได้หลายทิศทางตามความต้องการ มีหน้าตัดเป็นรูปวงกลม การส่งกำลังด้วยสายพานกลมจะให้ความยืดหยุ่นสูงมาก ขณะการทำงานของสายพานจะไม่เกิดเสียงดัง

   4. สายพานส่งกำลัง Timing Belt หรือ สายพานไทม์มิ่ง หรือที่ในบางครั้งอาจจะมีการเรียกว่า สายพานตีนตะขาบ สายพานราวลิ้น หรือสายพานฟันเฟือง เป็นสายพานที่มีลักษณะเป็นร่องฟันคล้ายกันกับฟันเฟือง วางพาดในแนวขวางตลอดความยาวของสายพาน โดยตัวสายพานไทม์มิ่งจะมีเส้นใยรับแรงดึงที่ทำจากลวดเหล็กกล้าฝังอยู่ภายในโครงสร้างของสายพานที่ทำมาจากโพลียูรีเทน หรือเส้นใยไฟเบอร์ฝังอยู่ภายในโครงสร้างของสายพานที่ทำมาจากยางสังเคราะห์และมีการห่อหุ้มส่วนของฟันด้วยเส้นใยที่ทอจากไนลอนเพื่อลดแรงเสียดทานและลดการสึกหรอ
      
      

      ข้อสรุป สายพานไทม์มิ่งมีน้ำหนักเบา ทนทาน สามารถงอตัวได้ดี และไม่ก่อให้เกิดเสียงดังในระหว่างการทำงาน การทำงานของสายพานไทม์มิ่ง ไม่จำเป็นจะต้องอาศัยแรงเสียดทานระหว่างสายพานกับลูกล้อ (Pulley) ในการส่งกำลัง จึงทำให้อัตราเร็วที่ใช้ในการขับเคลื่อนสายพานให้หมุนรอบพูลเลย์นั้นมีความสม่ำเสมอ จึงสามารถควบคุมตำแหน่งและการส่งกำลังได้อย่างแม่นยำถึง 99% ร่องของสายพานไทม์มิ่งจะมีขนาดเดียวกันกับร่องของพูลเลย์ ทำให้ส่วนของสายพานและลูกล้อสามารถสบกันได้พอดีในขณะขับเคลื่อนเหมือนกับการทำงานของฟันเฟือง จึงไม่ทำให้เกิดการยึดตัวหรือการลื่นไถลในขณะส่งที่มีการส่งกำลัง