ระบบส่งกำลังด้วยสายพานสำคัญต่อการผลิตอย่างไร

ระบบส่งกำลังด้วยสายพานส่งกำลังสำคัญต่อการผลิตอย่างไร

สายพานส่งกำลังอุปกรณ์สำคัญในระบบส่งกำลังในกระบวนการผลิต

เครื่องจักรที่อยู่ในกระบวนการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมถือได้ว่าเป็นเครื่องมือที่สำคัญเพราะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการผลิตสินค้าที่จะช่วยสร้างผลกำไรให้กับธุรกิจ หากเครื่องจักรมีประสิทธิภาพมากเท่าไรจะทำให้การผลิตมีความรวดเร็วและช่วยลดต้นทุนในการผลิตได้เป็นอย่างมาก ซึ่งระบบส่งกำลังเป็นระบบที่สำคัญในการการขับเคลื่อนเครื่องจักรให้มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพถือได้ว่าเป็นขุมพลังที่ใช้ในการขับเคลื่อนชิ้นส่วนต่างๆ ให้ทำงานเพื่อผลิตสินค้าในกระบวนการผลิต โดยระบบส่งกำลังจะสร้างแรงและส่งกำลังออกไปเพื่อสร้างแรงบิดและแรงม้าให้กับเครื่องจักรกลต่าง ๆ ซึ่งระบบส่งกำลังมีด้วยกัน 3 รูปแบบแต่รูปแบบที่นิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมคือระบบส่งกำลังแบบสายพาน ที่เรียกแบบนี้เนื่องจากมีสายพานส่งกำลังเป็นอุปกรณ์ที่คล้องโยงชิ้นส่วนของเครื่องจักรให้เชื่อมต่อกันและเป็นอุปกรณ์ที่ส่งผ่านกำลังจากแหล่งต้นกำเนิดส่งไปยังปลายทางเพื่อให้ชิ้นส่วนของเครื่องจักรขับเคลื่อนไปด้วยกัน ซึ่งหลักการทำงานของระบบส่งกำลังแบบสายพานจะมีมู่เล่ขับ (Driver Pulley) ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของกำลังจะส่งกำลังไปยังมูเล่ตาม (Driven Pulley) โดยที่มีสายพานส่งกำลังเป็นตัวกลางในการส่งผ่านกำลังขับเคลื่อนจากมู่เล่ขับ(Driver Pulley)ไปยังมู่เล่ตาม (Driven Pulley) เพื่อทำให้กลไกของเครื่องจักรทำงานไปพร้อม ๆกัน โดยบางกรณีอาจมีมู่เล่กลาง (Idle Pulley) เป็นตัวช่วยเพิ่มมุมโอบทำให้สามารถส่งกำลังได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ระบบส่งกำลังด้วยสายพานส่งกำลังสำคัญต่อการผลิตอย่างไร

ด้วยสายพานส่งกำลังมีช่วงความยาวให้เลือกใช้ตั้งแต่ความยาวน้อยไปจนถึงยาวมาก ทำให้ง่ายต่อการออกแบบระบบ จึงทำให้สายพานส่งกำลังถูกเลือกใช้ในระบบส่งกำลังเป็นอันดับต้นๆ แต่การจะทำให้ระบบส่งกำลังแบบสายพานมีประสิทธิภาพในการใช้งาน การเลือกใช้ประเภทของสายพานส่งกำลังให้ถูกต้องกับลักษณะการใช้งานก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึง เพราะสายพานส่งกำลังที่ดีจะส่งกำลังจากมอเตอร์ไปสู่เครื่องจักรได้มากกว่า 95% ของกำลังมอเตอร์ทำให้สามารถสร้างผลผลิตได้ตามเป้าหมายที่กำหนด ดังนั้นก่อนการใช้งานจึงควรรู้จักประเภทของสายพานส่งกำลังเพื่อให้สามารถเลือกใช้งานได้อย่างถูก

เครื่องจักรที่อยู่ในกระบวนการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมถือได้ว่าเป็นเครื่องมือที่สำคัญเพราะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการผลิตสินค้าที่จะช่วยสร้างผลกำไรให้กับธุรกิจ หากเครื่องจักรมีประสิทธิภาพมากเท่าไรจะทำให้การผลิตมีความรวดเร็วและช่วยลดต้นทุนในการผลิตได้เป็นอย่างมาก ซึ่งระบบส่งกำลังเป็นระบบที่สำคัญในการการขับเคลื่อนเครื่องจักรให้มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพถือได้ว่าเป็นขุมพลังที่ใช้ในการขับเคลื่อนชิ้นส่วนต่างๆ ให้ทำงานเพื่อผลิตสินค้าในกระบวนการผลิต โดยระบบส่งกำลังจะสร้างแรงและส่งกำลังออกไปเพื่อสร้างแรงบิดและแรงม้าให้กับเครื่องจักรกลต่าง ๆ ซึ่งระบบส่งกำลังมีด้วยกัน 3 รูปแบบแต่รูปแบบที่นิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมคือระบบส่งกำลังแบบสายพาน ที่เรียกแบบนี้เนื่องจากมีสายพานส่งกำลังเป็นอุปกรณ์ที่คล้องโยงชิ้นส่วนของเครื่องจักรให้เชื่อมต่อกันและเป็นอุปกรณ์ที่ส่งผ่านกำลังจากแหล่งต้นกำเนิดส่งไปยังปลายทางเพื่อให้ชิ้นส่วนของเครื่องจักรขับเคลื่อนไปด้วยกัน ซึ่งหลักการทำงานของระบบส่งกำลังแบบสายพานจะมีมู่เล่ขับ (Driver Pulley) ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของกำลังจะส่งกำลังไปยังมูเล่ตาม (Driven Pulley) โดยที่มีสายพานส่งกำลังเป็นตัวกลางในการส่งผ่านกำลังขับเคลื่อนจากมู่เล่ขับ(Driver Pulley)ไปยังมู่เล่ตาม (Driven Pulley) เพื่อทำให้กลไกของเครื่องจักรทำงานไปพร้อม ๆกัน โดยบางกรณีอาจมีมู่เล่กลาง (Idle Pulley) เป็นตัวช่วยเพิ่มมุมโอบทำให้สามารถส่งกำลังได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ด้วยสายพานส่งกำลังมีช่วงความยาวให้เลือกใช้ตั้งแต่ความยาวน้อยไปจนถึงยาวมาก ทำให้ง่ายต่อการออกแบบระบบ จึงทำให้สายพานส่งกำลังถูกเลือกใช้ในระบบส่งกำลังเป็นอันดับต้นๆ แต่การจะทำให้ระบบส่งกำลังแบบสายพานมีประสิทธิภาพในการใช้งาน การเลือกใช้ประเภทของสายพานส่งกำลังให้ถูกต้องกับลักษณะการใช้งานก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึง เพราะสายพานส่งกำลังที่ดีจะส่งกำลังจากมอเตอร์ไปสู่เครื่องจักรได้มากกว่า 95% ของกำลังมอเตอร์ทำให้สามารถสร้างผลผลิตได้ตามเป้าหมายที่กำหนด ดังนั้นก่อนการใช้งานจึงควรรู้จักประเภทของสายพานส่งกำลังเพื่อให้สามารถเลือกใช้งานได้อย่างถูก

ประเภทของสายพานส่งกำลังที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรม โดยแบ่งตามหน้าตัดของสายพาน มีดังนี้

  1. สายพานแบน (Flat belts)
    มีหน้าตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าและมีพื้นผิวเรียบแบนทั้งสองด้าน วัสดุที่นำมาใช้ในการผลิตสายพานแบนมีหลายประเภทเช่น ผ้าใบ ยาง พลาสติก เหล็ก และเหล็กกล้าไร้สนิมขึ้นอยู่กับรูปแบบในการนำไปใช้งานและประเภทของเครื่องจักรอุตสาหกรรม สายพานแบนเป็นสายพานส่งกำลังที่ได้รับความนิยมในหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมการเกษตร, อุตสาหกรรมการทำเหมืองแร่, อุตสาหกรรมไม้, อุตสาหกรรมเหล็ก รวมไปถึงอุตสาหกรรมพลังงาน เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ดีในการทนทานต่อแรงดึง, ทนทานต่อความร้อนหรือความเย็นที่ต้องสัมผัสในระหว่างกระบวนการผลิต และทนทานต่อการเกิดไฟฟ้าสถิตที่อาจก่อให้เกิดปัญหาต่อกระบวนการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงสายพานแบนยังสามารถทนทานต่อน้ำมันและสารเคมีต่าง ๆ ได้ ซึ่งสายพานแบนสามารถแบ่งย่อยออกเป็น 3 ประเภท คือ

    1. Light Drives (สายพานที่ใช้กับงานเบา) เหมาะสำหรับใช้กับงานที่มีความเร็วในการขับเคลื่อนของสายพานไม่เกิน 10 m/s เช่น การลำเลียงอาหารหรือบรรจุภัณฑ์ที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา

    2. Medium Drives (สายพานที่ใช้กับงานหนักปานกลาง) เหมาะสำหรับใช้งานที่มีความเร็วในการขับเคลื่อนสายพานอยู่ระหว่าง 10-22 m/s เช่น การเคลื่อนย้ายสินค้าต่าง ๆ ไปในทิศทางที่ต้องการ

    3. Heavy Drives (สายพานที่ใช้กับงานหนัก) มีความเร็วของสายพานในการขับเคลื่อนมากกว่า 22 m/s เหมาะสำหรับใช้ในงานหนัก เช่น เครื่องจักรอุตสาหกรรมหนัก เป็นต้น

  2. สายพานวี (V-belts)
    หรือสายพานลิ่ม มีหน้าตัดเป็นรูปตัววีหรือรูปสี่เหลี่ยมคางหมูเป็นสายพานส่งกำลังที่ใช้ในเครื่องจักรกลอุตสาหกรรม, เครื่องจักรกลการเกษตร และยานยนต์ เช่น พัดลม ปั๊มน้ำ เครื่องกลึง สายพานวีมีคุณสมบัติสามารถต้านทานแรงดึง, แรงกระตุก และการสั่นสะเทือนได้ดี ถอดเปลี่ยนง่าย และไม่มีเสียงดังขณะใช้งาน มีให้เลือกใช้งานหลายขนาด และสามารถแบ่งออกเป็น 6 ประเภท คือ

    1. สายพานวีหน้าตัดปกติ (Classical V Belt) เป็นสายพานที่มีความต้านทานต่อแรงดึงและแรงกระตุกได้ดี จึงนิยมใช้เป็นสายพานส่งกำลังในเครื่องจักรกลที่มีความเร็วรอบไม่มากนัก เช่น เครื่องจักรสิ่งทอ, กังหันไอน้ำ

    2. สายพานวีหน้าตัดแคบ (Narrow V Belt) เป็นสายพานส่งกำลังที่สามารถส่งกำลังได้สูงกว่าสายพานวีหน้าตัดปกติถึง 3 เท่า มีความแข็งแรง, ความยืดหยุ่น และลดความร้อนในสายพานได้ดี นิยมนำมาใช้กับงานที่ต้องรับแรงกระแทกและรับน้ำหนักโหลดสูง เช่น เครื่องจักรอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม

    3. สายพานร่องวีร่วม (Banded V Belt) เป็นการนำสายพานวีหน้าตัดแคบหลาย ๆ เส้นที่มีขนาดเท่ากันมาเชื่อมต่อกันให้เป็นเส้นเดียว เพื่อให้เกิดการกระจายแรงกดอย่างสม่ำเสมอบนสายพานทำให้สายพานมีความแข็งแกร่ง ทนทานต่อแรงสั่นสะเทือน ไม่พลิกกลับขณะทำงาน สายพานส่งกำลังชนิดนี้จึงนิยมใช้ในงานที่เพลามีระยะห่างกันมาก ๆ

    4. สายพานวีแหลม (Ribbed V Belt) จะมีลักษณะเป็นร่องวีแนวยาวและมีปลายที่แหลม เป็นประเภทของสายพานส่งกำลังที่สามารถขับเคลื่อนส่งกำลังด้วยความเร็วสูง นิยมใช้กับเครื่องจักรที่ค่อนข้างมีพื้นที่จำกัดและสามารถรับโหลดได้ดีจึงนิยมใช้ในเครื่องมือไฟฟ้าหรือเครื่องยนต์

    5. สายพานวีหน้ากว้าง (Variable Speed V Belt) เป็นสายพานส่งกำลังที่มีหน้าตัดและรูปร่างกว้างเป็นพิเศษ มีคุณสมบัติด้านความยืดหยุ่น สามารถรับแรงดึง แรงกระแทก และทนความร้อนได้ดี เป็นสายพานส่งกำลังที่นิยมใช้กับเครื่องจักรกลที่สามารถปรับความเร็วรอบในการหมุนได้ตามต้องการ เช่น เครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรมทอผ้า

    6. สายพานวีแบบมีร่องฟัน (Cogged V belt) เป็นประเภทของสายพานส่งกำลังที่ผลิตมาพร้อมกับฟันเฟือง มีคุณสมบัติที่สามารถโค้งงอได้ดีและช่วยระบายความร้อนได้เป็นอย่างดีนอกจากนั้นยังสามารถใช้งานกับมู่เล่ (Pulley) ที่มีขนาดเล็กได้จึงทำให้มีการสูญเสียพลังงานน้อยและประหยัดพลังงานได้ดี จึงนิยมใช้เป็นสายพานส่งกำลังสำหรับงานหนัก เช่น เครื่องสูบน้ำ, เครื่องกลึง, เครื่องปั่นไฟฟ้า, เครื่องบด เป็นต้น
  1. สายพานกลม (Round belts)
    มีหน้าตัดเป็นรูปวงกลมมีด้วยกัน 2 แบบ คือวงกลมตันและกลวง เป็นสายส่งกำลังที่ส่วนใหญ่ทำมาจากพลาสติกโพลียูริเทน (Polyurethane) จึงมีความทนทานต่อ จาระบี น้ำมัน และน้ำ สามารถปรับตั้งทิศทางการหมุนได้หลายทิศทางตามความต้องการ นอกจากนั้นยังไม่เกิดเสียงดังขณะใช้งาน มีความยืดหยุ่นสูง มีให้เลือกใช้งานทั้งแบบวง (seamless) และ แบบเส้น (open end) ปัจจุบันมีสายพานกลมชนิดที่สามารถต่อเองได้ในยามฉุกเฉินซึ่งจะมีลักษณะกลวงและมีหมุดต่อซึ่งทำมาจากทองเหลืองมีความแข็งแรง สายพานกลมนิยมนำมาใช้งานร่วมกับเครื่องจักรหรือเครื่องยนต์ที่มีแรงบิดต่ำ หรือการนำมาติดตั้งเพื่อการใช้งานในเครื่องมือต่าง ๆ เช่น เครื่องเจาะไฟฟ้า, เครื่องเซาะโลหะ, เครื่องกลึง เครื่องดูดฝุ่น, เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน เป็นต้น

  2. สายพานไทม์มิ่ง (Timing belt)
    เป็นสายพานส่งกำลังที่มีการใช้งานคนละอย่างจากสายพานวี เนื่องจากมีลักษณะพิเศษคือจะมีร่องฟันคล้ายฟันเฟืองวางตัวเรียงตามแนวขวางของสายพานตลอดความยาวของสายพาน ซึ่งขนาดและรูปแบบของร่องสายพานไทม์มิ่งจะมีลักษณะแตกต่างกันไปตามมาตรฐานสากลและสามารถเข้ากันได้กับร่องของมู่เล่ของเครื่องจักร ส่วนประกอบของสายพานไทม์ทิ่งประกอบไปด้วยเส้นใยกลาสไฟเบอร์ ผ้าใบทำด้วยโพลี่อะไมด์ และมีส่วนผสมของยางสังเคราะห์เพื่อความแข็งแรง คุณสมบัติทั่วไปคือ สามารถทนน้ำมัน และทนความร้อนได้มากถึง 100 องศาเซลเซียสทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งาน สายพานไทม์มิ่งจึงได้รับความนิยมใช้ในเครื่องยนต์หรือเครื่องจักรอุตสาหกรรมขนาดเล็กและขนาดกลาง

ระบบส่งกำลังแบบสายพานเป็นระบบพลังงานที่ทำให้เครื่องจักรในกระบวนการผลิตทำงานอย่างรวดเร็ว ต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ซึ่งการเลือกใช้งานสายพานส่งกำลังได้อย่างถูกต้องจะทำให้กำลังของมอเตอร์ส่งผ่านไปยังเครื่องจักรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วยให้ระบบส่งกำลังแบบสายพานมีศักยภาพที่สูงทำให้กระบวนการผลิตสร้างผลผลิตได้มากขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยลดต้นทุนด้านแรงงาน ลดต้นทุนค่าบำรุงรักษา และลดการสูญเปล่าของเวลาได้อีกด้วย และนอกจากสายพานส่งกำลังทั้ง 4 ประเภทที่กล่าวมาแล้วในกระบวนการผลิตยังมีสายพานลำเลียงที่เป็นประเภทของสายพานที่ใช้ในการขนส่งในกระบวนการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งก็ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญเพราะช่วยทำให้กระบวนการผลิตมีความรวดเร็ว คล่องตัว และลดต้นทุนได้มากยิ่งขึ้น

บริษัท IMC 1994 จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายอะไหล่สำหรับเครื่องจักรอุตสาหกรรมและเครื่องยนต์แบบครบวงจร เช่น สายพานส่งกำลัง (TRANSMISSION BELT), สายพานลำเลียง (CONVEYOR BELT), สายพานไทม์มิ่ง (TIMING BELT), สายพาน V BELT, สายพานพียูไทม์มิ่ง (PU TIMING BELT), สายพานกลม (ROUND BELT), สายพานแบน (FLAT BELT), ถุงลมอุตสาหกรรม (AIR SPRING), สายพานหน้าเครื่อง, ไส้กรองน้ำมันเครื่อง ที่มาจากแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก พร้อมยินดีให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ท่านเลือกใช้ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

หากสนใจสินค้าของเรา สามารถเข้าเลือกชมพร้อมตรวจเช็คราคาก่อนได้ที่
www.imc-interparts.com หรือสามารถแอดไลน์สอบถาม ปรึกษาเราก่อนได้ที่  
LINE Official Account : @IMC.1994
Phone : +66 02 875 9700 (Auto)

X