สายพาน V belt มีกี่ขนาด

สายพาน V belt มีกี่ขนาด

ทำความรู้จักกับประเภทและขนาดของสายพาน V belt

          สายพาน (Belt) เป็นหนึ่งในชิ้นส่วนที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับเครื่องจักรอุตสาหกรรม เครื่องจักรกลทางการเกษตร รวมไปถึงเครื่องยนต์ทุกชนิด เพราะสายพานประเภทต่าง ๆ ทั้งสายพานลำเลียง (Conveyor Belt) และสายพานส่งกำลัง (Transmission belt) นั้นมีหน้าที่สำคัญในการช่วยส่งกำลังระหว่างตัวขับ (Driver) และตัวตาม (Driven) จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง เพื่อช่วยทำให้เครื่องจักรและเครื่องยนต์ต่าง ๆ สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นและต่อเนื่อง

สายพาน V belt

          โดยในวันนี้ทาง IMC 1994 จะขอพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับสายพานV belt ซึ่งถือได้ว่าเป็นสายพานส่งกำลังที่สามารถพบเห็นการนำมาใช้งานได้อย่างหลากหลายมากที่สุดในภาคอุตสาหกรรม ลองมาดูไปพร้อม ๆ กันเลยว่าสายพานร่องวี (สายพานV belt) เหล่านี้คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร รวมไปถึงว่าสายพานร่องวีเหล่านี้สามารถจำแนกประเภทและขนาดได้อย่างไรบ้าง เพื่อเป็นการช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำการเลือกขนาดของสายพานร่องวีได้อย่างเหมาะสมกับขนาดและประเภทของเครื่องจักรอุตสาหกรรมและเครื่องยนต์ เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานสายพานร่องวีที่มากที่สุด

ทำความรู้จักสายพาน V belt

          สายพานที่มีลักษณะหน้าตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของสายพานร่องวี หรือสายพานหน้าวี (สายพาน V belt) เป็นสายพานส่งกำลัง (Transmission belt) ประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการนำมาใช้งานอย่างแพร่หลายตั้งแต่ในช่วงต้นของยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ต่อเนื่องมาจนถึงในยุคปัจจุบันนี้ เพื่อประโยชน์สำคัญในการช่วยส่งผ่านกำลังให้เครื่องจักรอุตสาหกรรม เครื่องยนต์ เครื่องจักรกลทางการเกษตร รวมถึงปั๊มลม หรือแอร์คอมเพรสเซอร์ต่าง ๆ สามารถทำงานโดยการเกิดการหมุน หรือเกิดการขับเคลื่อนไปข้างหน้าเพื่อช่วยในการขนถ่ายลำเลียงวัสดุต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

          ส่งผลให้สายพานร่องวี (สายพาน V belt) จึงเป็นสายพานส่งกำลังที่ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการใช้งานที่มากขึ้น ด้วยการนำเอายางรับแรงอัด (Cushion Rubber) ที่มีความทนทานต่อความร้อน และชุดเส้นด้ายรับแรง (Tensile member) ที่ส่วนใหญ่แล้วผลิตขึ้นมาจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ที่สามารถทนทานต่อแรงดึงได้ดี มาประสานเข้าด้วยกันก่อนจะถูกนำมาทำให้ยึดเกาะติดกันได้แน่นมากยิ่งขึ้นด้วยยางยืดแรงเกาะเส้นด้าย (Adhesion rubber) ก่อนที่ตัวสายพานร่องวีที่ได้ออกมานั้นจะถูกนำมาห่อหุ้มด้วยผ้าใบ (Canvas) ที่มีความนุ่มและยืดหยุ่น เพื่อเป็นการช่วยเพิ่มคุณสมบัติให้สายพานร่องวีสามารถต้านทานต่อน้ำมัน ความร้อน รวมไปถึงแรงดึง การสั่นสะเทือน และแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นในระหว่างการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อประโยชน์ในการนำสายพานร่องวีมาใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพโดยที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการแตก ร้าว หรือการเสื่อมสภาพของสายพาน จนส่งผลให้เครื่องจักรอุตสาหกรรมและเครื่องยนต์เกิดเสียงดังหรือแรงสั่งสะเทือนที่มากผิดปกติในระหว่างการใช้งาน

หลักการทำงานของสายพานร่องวี (สายพาน V belt)

          การทำงานเพื่อการช่วยขับเคลื่อนเครื่องจักรอุตสาหกรรมและเครื่องยนต์ของสายพานร่องวี (สายพาน V-belt) จะอาศัยการส่งผ่านแรงเสียดทาน (friction drive) ที่เกิดขึ้นระหว่างพื้นผิวด้านข้างของสายพานที่มีลักษณะคล้ายตัว V และพูลเลย์ (Pulley) หรือลูกล้อของสายพาน ทั้งพูลเลย์ของเพลาขับ (Driver) และพูลเลย์ของตัวตาม (Driven) เป็นหลัก ส่งผลให้ปัจจัยสำคัญที่จะเป็นตัวกำหนดและควบคุมว่าสายพานร่องวีจะสามารถส่งผ่านกำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพมากหรือน้อยแค่ไหนนั้น จึงขึ้นอยู่กับพื้นที่สัมผัสด้านข้างของสายพานร่องวีเป็นสำคัญ เพราะฉะนั้นแล้วการเลือกขนาดของสายพานร่องวี (สายพาน V belt) ให้มีความเหมาะสมกับขนาดและประเภทของเครื่องจักรอุตสาหกรรมและเครื่องยนต์ที่จะนำมาใช้งานร่วมกับสายพานนั้นจึงถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากผู้ใช้งานทำการเลือกขนาดของสายพานร่องวีที่เล็กหรือใหญ่มากจนเกินไปนั้น ก็อาจจะส่งผลให้สายพานไม่สามารถใส่ลงไปในร่องได้อย่างพอดีและเกิดความเสียหายในระหว่างการใช้งานได้ และนอกจากนี้ยังอาจทำให้มอเตอร์ของเครื่องจักรหรือเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กกว่าขนาดของสายพานร่องวีเกิดความเสียหายในระหว่างการใช้งานด้วยเช่นกัน

ประเภทและขนาดของสายพานร่องวี (สายพาน V belt)

โดยทั่วไปแล้วขนาดของสายพานร่องวี (V-belt) จะมีความแตกต่างกันออกไปตามประเภทของสายพานร่องวี ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้

  1. สายพานร่องวีคลาสสิก (Classical V-belt)
    สายพานร่องวีคลาสสิก เป็นสายพานร่องวีแบบมาตรฐานที่มีความแข็งแรง ทนทาน และเหมาะสำหรับการนำมาใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความร้อน ความชื้น หรืออาจเต็มไปด้วยน้ำมันและสารเคมีต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี จึงทำให้สายพานร่องวีคลาสสิกเหมาะสำหรับการนำมาใช้งานร่วมกับเครื่องจักรและเครื่องยนต์ในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งอุตสาหกรรมการเกษตร การระบายอากาศ และเครื่องจักรอุตสาหกรรมหนัก ที่มีกำลังน้อยกว่า 1 แรงม้าไปจนถึง 500 แรงม้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    โดยสำหรับการระบุขนาดของสายพานร่องวีคลาสสิกนั้นจะมีการจำแนกตามตัวอักษรได้เป็น M A B (ขนาดปกติ) ไปจนถึง C D E (ที่เป็นขนาดที่ใหญ่ขึ้นมา) ซึ่งจะมีความหนาและความกว้างของพื้นที่หน้าตัดของสายพานที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

     

    • ประเภท M จะมีหน้ากว้าง 10 มม. และมีความหนา 5.5 มม.
    • ประเภท A จะมีหน้ากว้าง 12.5 มม. และมีความหนา 9 มม.
    • ประเภท B จะมีหน้ากว้าง 16.5 มม. และมีความหนา 11 มม.
    • ประเภท C จะมีหน้ากว้าง 22 มม. และมีความหนา 14 มม.
    • ประเภท D จะมีหน้ากว้าง 31.5 มม. และมีความหนา 19 มม.
    • ประเภท E จะมีหน้ากว้าง 38 มม. และมีความหนา 25 มม.

  2. สายพานร่องวีแบบแคบ (Narrow V-belt)
    สายพานร่องวีแบบแคบ เป็นสายพานร่องวีที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากสายพานร่องวีคลาสสิก ด้วยการออกแบบหน้าตัดของสายพานร่องวีแคบให้มีอัตราส่วนระหว่างความลึกและความกว้างที่มากขึ้น เพื่อช่วยให้ตัวสายพานร่องวีแคบสามารถถ่ายโอนน้ำหนักและกระจายแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นในระหว่างการใช้งาน เพื่อการช่วยส่งผ่านกำลังให้เครื่องจักรและเครื่องยนต์สามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้งานสายพานร่องวีคลาสสิกถึง 3 เท่า

    โดยสำหรับการระบุขนาดของสายพานร่องวีแบบแคบนั้นจะยึดตามมาตรฐาน DIN, ISO standard ซึ่งจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 รูปแบบตามขนาดความหนาและความกว้างของพื้นที่หน้าตัดที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

     

    • ประเภท SPZ จะมีหน้ากว้าง 9.7 มม. และมีความหนา 8 มม.
    • ประเภท SPA จะมีหน้ากว้าง 12.7 มม. และมีความหนา 10 มม.
    • ประเภท SPB จะมีหน้ากว้าง 16.3 มม. และมีความหนา 13 มม.
    • ประเภท SPC จะมีหน้ากว้าง 22 มม. และมีความหนา 18 มม.

  3. สายพานร่องวีแบบฟันเฟือง (Cogged V-belt)สายพานร่องวีแบบฟันเฟือง เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของสายพานร่องวีที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อให้มีรอยบากที่บริเวณด้านล่างของสายพาน เพื่อช่วยให้สายพานสามารถงอตัวและยืดหยุ่นได้ดีมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเพื่อเป็นการช่วยระบายความร้อนที่เกิดขึ้นในระหว่างการใช้งานสายพานร่องวีแบบฟันเฟืองเพื่อส่งผ่านกำลังไปยังเครื่องจักรและเครื่องยนต์ เพื่อเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานให้สายพานร่องวีแบบฟันเฟืองสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพยาวนานมากยิ่งขึ้น

    โดยสำหรับการระบุขนาดของสายพานร่องวีแบบฟันเฟืองจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบตามมาตรฐานในการผลิตสายพานร่องวีที่แตกต่างกัน ดังนี้

     

    • มาตรฐาน DIN, ISO standard จะสามารถแบ่งขนาดของสายพานร่องวีแบบฟันเฟืองออกได้เป็น 4 รูปแบบตามขนาดความหนาและความกว้างของพื้นที่หน้าตัดที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
      • ประเภท XPZ จะมีหน้ากว้าง 9.5 มม. และมีความหนา 8 มม.
      • ประเภท XPA จะมีหน้ากว้าง 12.5 มม. และมีความหนา 10 มม.
      • ประเภท XPB จะมีหน้ากว้าง 16 มม. และมีความหนา 13.5 มม.
      • ประเภท XPC จะมีหน้ากว้าง 22 มม. และมีความหนา 18 มม.

    • มาตรฐาน RMA standard จะสามารถแบ่งขนาดของสายพานร่องวีแบบฟันเฟืองออกได้เป็น 3 รูปแบบตามขนาดความหนาและความกว้างของพื้นที่หน้าตัดที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
      • ประเภท 3VX จะมีหน้ากว้าง 9 มม. และมีความหนา 8 มม.
      • ประเภท 5VX จะมีหน้ากว้าง 15 มม. และมีความหนา 13 มม.
      • ประเภท 8VX จะมีหน้ากว้าง 25 มม. และมีความหนา 23 มม.

             บริษัท IMC 1994 จำกัด ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายอะไหล่สำหรับเครื่องจักรอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น สายพานส่งกำลัง (TRANSMISSION BELT) สายพานลำเลียง (CONVEYOR BELT) สายพานไทม์มิ่ง (สายพานราวลิ้น) สายพาน V BELT , TIMING BELT, สายพานพียูไทม์มิ่ง (PU TIMING BELT) สายพานกลม (ROUND BELT) สายพานแบน (FLAT BELT) ถุงลม อุตสาหกรรม (AIR SPRING) สายพานหน้าเครื่องและอะไหล่เครื่องจักรอุตสาหกรรมและเครื่องยนต์ครบวงจร จากแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก อาทิ Continental, BehaBelt, Elatech, Dayco ให้เลือกใช้งานได้อย่างหลากหลายตามความต้องการ พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญที่จะคอยตอบคำถามและข้อสงสัยเกี่ยวกับอะไหล่ต่าง ๆ ให้กับท่านตลอดเวลา

สนใจสั่งซื้อหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ติดต่อ IMC 1994 Co., Ltd.
Phone : +66 02 875 9700 (Auto)
LINE Official Account : @IMC.1994

X